
เกิดเหตุการณ์ แผ่นดินไหวขนาด 5.4 แมกนิจูด เมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสบดี เวลา 9.58 น. ตามรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ทะเลประมาณ 10 กิโลเมตรใน ทะเลอันดามัน นอกชายฝั่งตอนใต้ของเมียนมา ห่างจากอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ประมาณ 211 กิโลเมตร และแรงสั่นสะเทือนนั้นถูกส่งต่อเข้ามายังกรุงเทพฯ จนชาวเมืองหลวงหลายคนรับรู้ได้อย่างชัดเจน
สั่นไหวกลางกรุง อาคารสูงโยก หลอดไฟแกว่ง
ผู้คนจำนวนมากในเขตกรุงเทพฯ โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในอาคารสูงกว่า 10 ชั้น รายงานผ่านเว็บไซต์กรมอุตุฯ ว่ารู้สึกมึนศีรษะและเห็นสิ่งของภายในห้องสั่นสะเทือน เช่น หลอดไฟแกว่งไปมา น้ำในแก้วกระเพื่อม ไปจนถึงเก้าอี้โยกเล็กน้อย พื้นที่ที่มีรายงานการสั่นไหว ได้แก่ ดินแดง ปทุมวัน ราชเทวี ห้วยขวาง พญาไท บางรัก คลองสาน วัฒนา และบางแค
ที่กระทรวงแรงงาน เขตดินแดง มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่จำนวนมากรีบวิ่งอพยพออกจากอาคารไปอยู่บนถนน ก่อนที่จะกลับเข้าไปใหม่เมื่อเหตุการณ์สงบ ขณะเดียวกันที่อาคาร Prime Building ย่านคลองเตยเหนือ ผู้ที่อยู่ชั้น 11 ยืนยันว่าแรงสั่นไหวกินเวลาราว 10 วินาที ทำให้พนักงานหลายคนตื่นตกใจ
นักธรณีวิทยา-วิศวกรโครงสร้างยืนยัน ไม่ใช่ภัยพิบัติใหญ่
ดร. สันติ ไพลอปหลี ผู้เชี่ยวชาญธรณีวิทยาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ย้ำชัดว่าเหตุการณ์นี้ถือว่าไม่รุนแรง และไม่ควรตื่นตระหนก เพราะประเทศไทยตั้งอยู่บนแผ่นรอยเลื่อนที่สามารถส่งแรงสะเทือนเข้ามาได้อยู่แล้ว การเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ถือเป็น “การระบายพลังงานตามธรรมชาติ” ของรอยเลื่อน Sagaing Fault ที่พาดผ่านเมียนมา ซึ่งเคยทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ที่ผ่านมา
ด้าน อมร พิพัฒน์มัสมาศ นายกสมาคมวิศวกรโครงสร้างไทย ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้แผ่นดินไหวครั้งนี้จะใกล้กรุงเทพฯ มากกว่าครั้งก่อน (ห่างประมาณ 400-500 กม.) แต่ก็ยังไม่กระทบต่อความมั่นคงของอาคารสูง อย่างไรก็ตาม โครงสร้างของกรุงเทพฯ ที่ตั้งอยู่บนดินเหนียวอ่อนสามารถขยายแรงสั่นสะเทือนได้ 3-4 เท่า ทำให้คนที่อยู่ในตึกสูงรู้สึกแรงกว่าความเป็นจริง
ทำไมกรุงเทพฯ ถึงสั่นแรงกว่าที่คิด?
กรุงเทพฯ ตั้งอยู่บน “แอ่งดินดานและดินเหนียว” ที่ทำหน้าที่เหมือนแอมพลิไฟเออร์ เมื่อแรงสั่นสะเทือนจากใต้ดินผ่านเข้ามา แรงนั้นจะถูกขยายจนส่งผลถึงอาคารสูงโดยตรง โดยเฉพาะคลื่นยาว (Longitudinal Waves) ที่ส่งผลให้ ตึกสูงสั่นไปมาหลายวินาที แม้แผ่นดินไหวจะไม่รุนแรงนักก็ตาม
ไม่มีสัญญาณสึนามิ แต่ควรเฝ้าระวัง
พิชิต สมบัติหมาก อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี ยืนยันว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เป็นการเลื่อนตัวในแนวราบ (Strike-Slip Fault) ซึ่งไม่ก่อให้เกิดคลื่นสึนามิ พร้อมย้ำว่าระดับความรุนแรง 5.4 ถือว่าเล็ก ไม่เข้าข่ายภัยพิบัติร้ายแรง และไม่จำเป็นต้องอพยพ แต่ยังคงมีโอกาสเกิดอาฟเตอร์ช็อกเล็กๆ ภายในครึ่งชั่วโมงหลังเหตุการณ์ ซึ่งจะเบากว่าครั้งแรก
บทเรียนที่ควรจดจำ: เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในเมือง
แม้ครั้งนี้จะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง แต่ก็เป็น “สัญญาณเตือน” ให้คนกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่ต้องเตรียมความพร้อม เพราะเราทุกคนอยู่บนพื้นที่ที่อาจได้รับแรงสั่นสะเทือนจากประเทศเพื่อนบ้านเสมอ สิ่งที่ประชาชนควรจำคือ
- อย่าตื่นตระหนก ให้นั่งหรือหมอบในที่มั่นคงภายในอาคาร
- หลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์ ขณะเกิดเหตุ
- หากอยู่กลางแจ้ง ควรอยู่ห่างจากอาคารสูง ป้ายโฆษณา และเสาไฟฟ้า
- ติดตามข่าวจากหน่วยงานทางการ เช่น กรมอุตุฯ หรือกรมทรัพยากรธรณี ไม่แชร์ข่าวลือ
แผ่นดินไหว: ภัยธรรมชาติที่เราต้องอยู่ร่วมกับมัน
โลกเรายังเต็มไปด้วยรอยเลื่อนมีพลัง การเกิดแผ่นดินไหวคือการระบายพลังงานตามธรรมชาติที่ไม่สามารถคาดเดาได้ การเตรียมพร้อมและการเข้าใจกลไกของมันจึงเป็นสิ่งสำคัญ ขณะเดียวกัน ผู้ที่อาศัยในอาคารสูงควรรู้จักแนวทางอพยพ รวมถึงตรวจสอบโครงสร้างอาคารของตนว่ามีมาตรฐานรองรับแรงสั่นสะเทือนตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
ในอดีตประเทศไทยเคยประสบกับแรงสั่นสะเทือนจากเพื่อนบ้านหลายครั้ง ทั้งจากเมียนมา ลาว และอินโดนีเซีย โดยเฉพาะเหตุการณ์ สึนามิปี 2547 ที่ยังคงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ ดังนั้น แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ภัยพิบัติ แต่ก็เป็นอีกหนึ่งเสียงเตือนว่า “แผ่นดินไหวอยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด”
สรุป แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใหญ่ แต่เป็นโอกาสให้ทุกคนตระหนักถึงการเตรียมพร้อม และหมั่นติดตามข้อมูลจากแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา จะคอยนำเสนอ ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ให้คุณไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวสำคัญเสมอ