
เสียงเตือนภัยดังขึ้นจากชายแดน! เมื่อกองทัพภาคที่ 2 (ทภ.2) ออกโรงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ระวัง “ขีปนาวุธ PHL-03” ซึ่งอาจถูกนำมาใช้อย่างไม่คาดคิดในสถานการณ์ตึงเครียด หลังมีสัญญาณว่ากัมพูชาอาจทดลองหรือเคลื่อนไหวทางทหารในพื้นที่พิพาท!
การเตือนภัยนี้ไม่ใช่เรื่องลอยๆ เพราะ PHL-03 คือระบบขีปนาวุธแบบยิงถล่มเป้าหมายเป็นชุด ด้วยพิสัยทำการไกลถึง 130 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์จำนวนมากในไทย และมีพลังทำลายรุนแรงที่สามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการทหารได้ในพริบตา
รู้จักขีปนาวุธ PHL-03 – นักล่าระยะไกลจากแดนมังกร
PHL-03 (หรือที่รู้จักในชื่อ AR2 สำหรับส่งออก) เป็นระบบจรวดหลายลำกล้องที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยประเทศจีน และถือเป็นของหนักในสายอาวุธปืนใหญ่รบระยะไกลของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA)
- 📌 ต้นแบบ: พัฒนามาจาก BM-30 Smerch ของรัสเซีย
- 📌 จำนวนลำกล้อง: 12 ท่อยิง ขนาด 300 มม.
- 📌 พิสัยทำการ: สูงสุด 130 กม.
- 📌 ความแม่นยำ: สามารถติดตั้งระบบนำวิถี GPS เพิ่มเติมได้
- 📌 ชนิดหัวรบ: ระเบิดแรงสูง, ระเบิดจุดระเบิดช้า, ลูกปราย, สะเก็ด, จรวดสังหารชุด ฯลฯ
ด้วยความสามารถในการยิงกระหน่ำพร้อมกัน 12 ลูกในเวลาไม่กี่วินาที PHL-03 จึงถูกออกแบบมาเพื่อทำลายฐานที่มั่น, สนามบิน, คลังยุทธภัณฑ์ หรือแม้แต่หน่วยกำลังพลภาคพื้นดินที่เคลื่อนไหวอยู่
ความเคลื่อนไหวล่าสุดจากแนวชายแดน
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 เพจ “กองทัพภาคที่ 2” ได้โพสต์แจ้งเตือนอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่กัมพูชาอาจใช้ขีปนาวุธ PHL-03 โดยเน้นว่าเป้าหมายของการยิงจรวดอาจพุ่งตรงมาสู่พื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งของกองกำลังทางทหารในประเทศไทย
แม้จะไม่มีรายงานการยิงจริงในขณะนี้ แต่การเตรียมพร้อมของฝ่ายไทยก็ถูกยกระดับ โดยเฉพาะการวางแผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง การติดตั้งระบบต่อต้านขีปนาวุธ และการประเมินแผนเคลื่อนย้ายพลเรือนในกรณีฉุกเฉิน
พล.ต.วินธัย ยืนยัน ยังควบคุมได้ แต่ไม่ประมาท
พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า “ยังไม่มีความน่ากังวลถึงขั้นนั้น” โดยข้อมูลด้านการข่าวเรื่อง PHL-03 ถือเป็นเพียงมาตรการเตรียมความพร้อมล่วงหน้าเท่านั้น อย่างไรก็ตาม จุดปะทะในพื้นที่ภูมะเขือ, ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายยังคงมีความตึงเครียดต่อเนื่อง และต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด
4 ข้อควรทำเพื่อความปลอดภัยในสถานการณ์เสี่ยง
เพื่อความไม่ประมาท และความปลอดภัยของประชาชนโดยรอบพื้นที่ชายแดน ทภ.2 ได้แนะนำแนวทางเบื้องต้นในการป้องกันตนเองดังนี้
- 📡 ติดตามข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง – ควรติดตามประกาศจากกองทัพ, ศูนย์เตือนภัยพิบัติ, และหน่วยงานท้องถิ่นผ่านช่องทางที่น่าเชื่อถือ
- 🛡️ หาที่หลบภัยหรือสร้างพื้นที่ปลอดภัย – โดยเฉพาะหากอาศัยใกล้พื้นที่ยุทธศาสตร์หรือฐานทัพ
- 🚷 หลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยง – อย่าเข้าใกล้จุดที่อาจเป็นเป้าหมายโจมตี เช่น ฐานทัพ, สนามบิน, หรือคลังแสง
- 📖 ปฏิบัติตามคำสั่งจากทางการอย่างเคร่งครัด – ไม่ควรตื่นตระหนกหรือแชร์ข่าวลือที่ไม่มีแหล่งที่มา เพราะอาจทำให้เกิดความโกลาหลโดยไม่จำเป็น
ทำไม “PHL-03” จึงถูกจับตาเป็นพิเศษ?
ในยุคที่สงครามยุคใหม่มุ่งเน้นการโจมตีแม่นยำในระยะไกล อาวุธอย่าง PHL-03 คือภัยคุกคามที่ทำให้แผนรับมือด้านความมั่นคงต้องอัปเดตทันที เพราะมันสามารถ:
- 📍 โจมตีได้โดยไม่ต้องข้ามแดน
- 📍 ใช้เวลาเตรียมยิงน้อย
- 📍 ทำลายเป้าหมายได้ในวงกว้าง
- 📍 สร้างความเสียหายได้ทั้งทางทหารและพลเรือน
และที่สำคัญคือ หากมีการติดหัวรบนำวิถี PHL-03 ก็จะไม่ใช่เพียงแค่ “จรวดหลายลำกล้อง” แต่จะกลายเป็น “อาวุธแม่นยำไกลระดับประเทศ”
สรุปสถานการณ์: เตรียมพร้อมไว้ก่อนคือหนทางปลอดภัยที่สุด
แม้ในขณะนี้จะยังไม่มีการยิงขีปนาวุธ PHL-03 จากกัมพูชาเข้ามายังประเทศไทย แต่สถานการณ์ตามแนวชายแดนยังคงต้องจับตาอย่างใกล้ชิด กองทัพไทยพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ และหากมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ จะมีการแจ้งเตือนผ่านช่องทางราชการทันที
การรับรู้ข่าวสารและเตรียมพร้อม คือ เกราะป้องกันภัยเงียบที่สำคัญที่สุด สำหรับประชาชนในยุคที่ภัยคุกคามอาจมาแบบไม่ทันตั้งตัว
📌 ติดตาม ข่าวเด่น ข่าววันนี้ ที่ ข่าวการค้นหาที่มาแรงบ้านกีฬา เพื่อไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวจากชายแดน และทุกประเด็นร้อนทั่วประเทศ!